การผ่าตัดผ่านกล้อง หรือการผ่าตัดแผลเล็ก

การผ่าตัดในปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การผ่าตัดแนวใหม่ที่ทำให้ผู้ป่วยมีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นั่นคือ "การผ่าตัดผ่านกล้อง หรือ การผ่าตัดแผลเล็ก" เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่เปิดแผลขนาดเล็กเพื่อสอดเครื่องมือและกล้องเข้าไปผ่าตัดในตำแหน่งที่ต้องการรักษาแทนการเปิดแผลขนาดใหญ่ ทำให้ลดปัญหาที่จะตามมาหลังการผ่าตัด อาทิเช่น การปวดแผลผ่าตัด ท้องอืด ทานอาหารได้ช้า เคลื่อนไหวหรือลุกเดินได้ลำบาก ปอดแฟบ แผลแยก ไปจนถึงปัญหาระยะยาวเช่น การเกิดผังผืดหรือลำไส้อุดตัน Minimal Invasive Surgery [ MIS ] is the new era of surgery for patients and surgeons. The benefits of the minimal invasive surgery are far beyond the traditional surgery.

3/13/2557

นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstone)

Q : ถุงน้ำดี ( Gallbladder ) คืออะไร ทำหน้าที่อย่างไร


A : ถุงน้ำดีคืออวัยวะหนึ่งของร่างกายมนุษย์ อยู่ใต้ตับ มีลักษณะเป็นถุงที่ทำหน้าที่กักเก็บน้ำดีที่สร้างมาจากตับ ก่อนปล่อยลงสู่ลำไส้เล็กเมื่อมีอาหารผ่านมา 
น้ำดีประกอบด้วยสารต่างๆอาทิเช่น คอเลสเตอรอล ( cholesterol )  บิลลิรูบิน ( billirubin ) เกลือน้ำดี ( bile salts ) เป็นต้น




Q : นิ่วในถุงน้ำดี ( Gallstone ) เกิดขึ้นได้อย่างไร


A : นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากการสะสมของน้ำดีที่ผิดปกติ โดยมีปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี ดังนี้คือ
  1. พันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวเป็นนิ่วในถุงน้ำดี คุณก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้น
  2. ฮอร์โมนเอสโตเจน ดังนั้น ผู้หญิงจึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการมีนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าผู้ชาย รวมทั้งการใช้ยาคุมกำเนิดประเภทฮอร์โมนก็ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วมากขึ้นด้วย
  3. อ้วน
  4. อายุมากกว่า 55 ปี
  5. โรคเบาหวาน
  6. การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
  7. การตั้งครรภ์
  8. โรคตับแข็ง
  9. อื่นๆ เช่น การทานยาที่ขับคอเรสเตอรอลทำให้มีคอเรสเตอรอลถูกขับออกมาจากตับมากขึ้น


Q : การมีนิ่วในถุงน้ำดี ( Gallstone ) มีผลเสียต่อร่างกายอย่างไร


A : คนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีอาจยังไม่มีอาการใดๆเลยที่เรียกว่า " silent gallstone "
จนถึงมีอาการไม่สบายดังนี้
  • ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีลมในทางเดินอาหาร
  • อาหารไม่ย่อย
  • ปวดแสบ แน่นหน้าอก
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • หากเป็นมากขึ้นมักมีอาการปวดที่ท้องด้านขวาบน หรือปวดทะลุหลัง


Q : จะตรวจหานิ่วในถุงน้ำดีได้อย่างไร

A : นิ่วในถุงน้ำดีสามารถตรวจพบได้ง่ายโดยการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงหรือการอัลตราซาวน์ช่องท้อง โดยการตรวจจะทำในขณะที่งดน้ำและอาหารมาอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เป็นดีที่สุด



Q : หากตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดีควรทำอย่างไร


A : ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมิณปัจจัยเสี่ยง อาการ รวมถึงความจำเป็นในการรักษา 
 หากมีอาการ หรือมีปัจจัยเสี่ยง ในวงการแพทย์สากลมักแนะนำให้ผ่าตัดรักษามากกว่าการติดตามดูอาการ หรือใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการไม่สบายเนื่องจากนิ่ว 


Q : แนวทางการรักษานิ่วในถุงน้ำดีปัจจุบันเป็นเช่นไร


A :การรักษานิ่วในถุงน้ำดีมักเป็นการรักษาโดยการผ่าตัดถุงน้ำดีออกไป ( Cholecystectomy )
 การผ่าตัดในปัจจุบันจะเป็นการผ่าตัดผ่านกล้องหรือการผ่าตัดแผลเล็ก ( Laparoscopic Cholecystectomy ) มากกว่า 95 % เนื่องจากการผ่าตัดแบบใหม่นี้สะดวก ปลอดภัยกับผู้ป่วยมากที่สุด และดีกว่าการผ่าตัดแบบเดิมมาก โดยลดความเจ็บปวดทรมาณจากแผลผ่าตัด ลดผลข้างเคียงและจำนวนวันพักในโรงพยาบาล รวมถึงผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆตามปกติได้ทันทีหลังจากออกจากโรงพยาบาล

Q : ผลกระทบจากการตัดถุงน้ำดี

A : จากรายงานการวิจัยพบว่าอาจมีอาการถ่ายบ่อยขึ้นได้ในผู้ป่วยบางราย โดยมักมีอาการในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัดเท่านั้น ในระยะยาวเมื่อเปรียบเทียบกับคนปกติไม่พบความแตกต่างหรือผลกระทบด้านอื่นๆในคนไข้ที่ผ่าตัดถุงน้ำดีมาก่อน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น