การผ่าตัดผ่านกล้อง หรือการผ่าตัดแผลเล็ก

การผ่าตัดในปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว การผ่าตัดแนวใหม่ที่ทำให้ผู้ป่วยมีความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นั่นคือ "การผ่าตัดผ่านกล้อง หรือ การผ่าตัดแผลเล็ก" เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่เปิดแผลขนาดเล็กเพื่อสอดเครื่องมือและกล้องเข้าไปผ่าตัดในตำแหน่งที่ต้องการรักษาแทนการเปิดแผลขนาดใหญ่ ทำให้ลดปัญหาที่จะตามมาหลังการผ่าตัด อาทิเช่น การปวดแผลผ่าตัด ท้องอืด ทานอาหารได้ช้า เคลื่อนไหวหรือลุกเดินได้ลำบาก ปอดแฟบ แผลแยก ไปจนถึงปัญหาระยะยาวเช่น การเกิดผังผืดหรือลำไส้อุดตัน Minimal Invasive Surgery [ MIS ] is the new era of surgery for patients and surgeons. The benefits of the minimal invasive surgery are far beyond the traditional surgery.

5/31/2566

โรคอ้วน ( MORBID OBESITY )

 

โรคอ้วน ( MORBID OBESITY )

ในสังคมปัจจุบันเราจะพบผู้ที่มีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานมากขึ้น อาจเป็นจากการรับประทานอาหารกลุ่มแคลอรี่สูง และขาดการออกกำลัง ทำให้โรคอ้วนกำลังเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยขึ้น ผลสุดท้ายผู้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีโอกาสมีโรคแทรกซ้อนตามมาในภายหลังมากกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ

   โรคอ้วนอาจเกิดจากพฤติกรรมการทานอาหารมากเกินไป หรือทานอาหารกลุ่มให้พลังงานสูงติดต่อกันเป็นประจำ เช่นอาหารกลุ่มแป้ง ไขมัน และของหวาน หรืออาจเกิดจากความผิดปกติทำให้มีการสะสมไขมันมากเกินไป หรือหิวตลอดเวลา

   คำจำกัดความของโรคอ้วน ใช้พิจารณาจาก เกณฑ์ที่เรียกว่า ดัชนีมวลกาย  BMI ( Body Mass Index ) มาเป็นตัวชี้วัด  โดยBMI คำนวณได้จาก น้ำหนักตัว Kg. หารด้วย ส่วนสูง m. ยกกำลังสอง

     ค่า BMI       23  -  24.9   เริ่มถือว่าน้ำหนักเกิน

25 -  29.9   อ้วนระดับ 1

> 30          อ้วนระดับ 2

ยิ่งมีค่าดัชนีมวลกายมาก ก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการมีโรคแทรกซ้อนมากขึ้น เช่น  โรคข้อเข่าเสื่อม เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ไขมันพอกตับ โรคหลอดเลือดดำอุดตันที่ขา กรดไหลย้อน ภาวะนอนกรน และหยุดหายใจขณะนอนหลับ นอกจากนี้ก็ยังเกิดความลำบากในการเคลื่อนไหวร่างกายทำให้ไม่สะดวกต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และเสียบุคลิก

   ในการพิจารณาให้การรักษาโรคอ้วนนั้นขึ้นอยู่กับค่าของดัชนีมวลกาย และโรคร่วม แต่โดยหลักการแล้ว ขั้นตอนแรกของการรักษา คือเริ่มต้นด้วยการพยายามลดน้ำหนักโดยการควบคุมด้วยตัวเองก่อน ไม่ว่าจะโดยการควบคุมอาหาร และออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ เพราะการทำนายผลของการผ่าตัด ว่าจะได้ผลดีมากเท่าไหร่ ขึ้นกับการควบคุมของผู้ป่วยเองด้วยในภายหลังการผ่าตัด เพราะถ้าผู้ป่วยไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรม การรับประทานอาหาร รวมทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน อาจทำให้น้ำหนักหลังผ่าตัดลดลงไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตามน้ำหนักที่ลดลงแล้วมักจะไม่กลับไปมากเท่ากับก่อนการผ่าตัด

      การรักษาโรคอ้วนนั้น ไม่ว่าจะใช้วิธีผ่าตัดแบบใดก็ตาม มีหลักการคือ

1.   1 ทำให้ลดปริมาณอาหารที่ทานลงไป

2.   2ทำให้อาหารที่ทานลงไป เคลื่อนผ่านทางเดินอาหารส่วนที่ทำการย่อยและดูดซึมไปให้เร็วที่สุด

การรักษาโรคอ้วน มีได้หลายวิธี ตั้งแต่

-            การใส่บอลลูน ลงไปในกระเพาะอาหาร เพื่อทำให้พื้นที่ความจุของกระเพาะอาหารลดลง

-            การใส่เข็มขัดรัดกระเพาะอาหาร เพื่อให้มีจำกัดปริมาตรของกระเพาะอาหาร

-            การผ่าตัดเพื่อลดขนาดของกระเพาะอาหาร

-            การผ่าตัดเบี่ยงทางเดินอาหาร เพื่อให้อาหารผ่านระบบการย่อยไปได้เร็วขึ้น

ซึ่งวิธีการรักษาแต่ละชนิดก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียต่างกัน บางครั้งอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด รวมทั้งต้องได้รับความร่วมมือในการปฏิบัตตัวของผู้ป่วยหลังการผ่าตัดร่วมด้วยจึงจะทำให้ผลการรักษาออกมาดีที่สุด ดังนั้นการให้การผ่าตัดรักษาในผู้ป่วยแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันได้                                 

 ตัวอย่างรูปแบบการผ่าตัดชนิดต่างๆ



    ในปัจจุบัน วิธีการผ่าตัดรักษามีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ บางวิธีก็อาจหมดความนิยม หรือเลิกทำไปแล้ว บางวิธีก็ยังนิยมใช้ในการรักษาอยู่ แต่ทุกวิธีก็มีหลักการเหมือนกัน คือ

1.   1  การลดขนาดกระเพาะอาหารลงให้เหลือประมาณ 15 %

2.   2  การผ่าตัดเพื่อเบี่ยงทางเดินอาหาร เพื่อให้อาหารผ่านระบบการย่อยไปได้เร็วขึ้น การผ่าตัดเพื่อเบี่ยงทางเดินอาหารมีได้หลายแบบ รวมทั้งยังมีหลายเทคนิคในการผ่าตัดชนิดเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถกำหนดมาตราฐานลงไปได้ว่าวิธีไหนดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นกับตัวผู้ป่ายและความชำนาญของแพทย์ผู้ผ่าตัดแต่ละคน จึงต้องทำความเข้าใจร่วมกันเพื่อหาวิธีที่เหมาะสมที่สุด ในบางครั้งผู้ป่วยควรต้องหาความเห็นที่ สอง หรือ สาม จากแพทย์ผู้สามารถทำการผ่าตัดชนิดนี้ได้ ว่าวิธีใดเหมาะสมที่สุด แล้วค่อยตัดสินใจเข้ารับการรักษา

   การผ่าตัดรักษาโรคอ้วนปัจจุบันเป็นการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก โดยเทคนิคของการผ่าตัดก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก อันตรายจากโรคแทรกซ้อนหลังผ่าตัดมักเกิดจากโรคร่วมของผู้ป่วยเองหรือการเตรียมตัวผ่าตัดได้ไม่พร้อมพอ  แต่ผลที่ได้จากการผ่าตัดจะได้ประโยชน์ต่อผู้ป่วยมากกว่า ทั้งในแง่ของความคล่องตัวของผู้ป่วย หรือในกรณีที่มีโรคร่วมเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ข้อเข่าเสื่อม นอนกรน หรือ ภาวะหยุดหายใจเป็นช่วงๆขณะนอนหลับ  หลังผ่าตัด อาการของโรคร่วมพวกนี้จะดีขึ้นมาก จนอาจไม่ต้องใช้ยารักษาเลย

  ในกรณีกลับกันถึงแม้ว่า ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดจะพบได้ไม่มาก แต่เมื่อพบภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดก็อาจมีความรุนแรงมากกว่าในคนที่น้ำหนักปกติ ซึ่งมักใช้เวลาในการรักษาภาวะแทรกซ้อนนานขึ้น ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะพบได้มักเป็นรอยรั่วของตำแหน่งการตัดเย็บกระเพาะอาหาร หรือมีการตีบแคบของกระเพาะอาหาร ซึ่งการรักษามักขึ้นกับความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อนนั้น จนบางรายอาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

      ดังนั้นการตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน จะต้องศึกษาข้อดี ข้อเสียของการผ่าตัดโดยละเอียดเสียก่อน ค่อยตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดรักษา  โดยต้องปรึกษาแพทย์ผู้รักษาถึงอัตราความสำเร็จของการผ่าตัด ผลที่ได้รับ ความเสี่ยงของการผ่าตัด รวมทั้งอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอะไรได้บ้างจากการผ่าตัด เมื่อได้รายละเอียดทั้งหมดแล้วจึงค่อยตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดรักษา

                                              ภาพผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดรักษา

                                                           ก่อนผ่าตัด




หลังผ่าตัด




 สามารถขอปรึกษารายละเอียดการรักษาได้โดยตรงที่ แผนกผ่าตัด-ผ่าตัดผ่านกล้อง โรงพยาบาลมิตรภาพสามัคคี 074-801900 ต่อ2101  หรือ 0816980088

 

5/27/2566

นิ่วในถุงน้ำดี มียารักษา หรือหายเองได้ไหม

 

Q & A  ถาม - ตอบ ปัญหานิ่วในถุงน้ำดี

ถาม  --  นิ่วในถุงน้ำดี มียารักษา หรือหายเองได้ไหม

ตอบ  --  นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากการตกตะกอนของน้ำดี ทำให้ส่วนประกอบของนิ่วมีความแตกต่างกันในแต่ละคน แต่ถ้าในผลึกของนิ่วมีส่วนประกอบของแคลเซี่ยม หรือหินปูนเจือปนมักไม่สามารถละลายหรือหายไปเองได้แต่มักจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หรือมีจำนวนมากขึ้น

 

                                                ภาพตัวอย่างของนิ่วในถุงน้ำดีแบบต่างๆ

 

                

                                        ภาพถุงน้ำดีอักเสบที่มีนิ่วอยู่ภายในถุงน้ำดี

n  กรณีที่นิ่วเกิดจากการรวมตัวเป็นผลึกที่เกิดจากไขมันเพียงอย่างเดียว อาจสามารถใช้ยาบางชนิดช่วยให้นิ่วค่อยๆละลายไปเองได้ นิ่วชนิดนี้จะพบได้น้อย  ส่วนใหญ่แล้วนิ่วมักมีส่วนประกอบของหินปูนปนอยู่ด้วย ทำให้ไม่สามารถละลายได้

n  กรณีที่นิ่วเกิดจากปัจจัยที่ทำให้มีความเข้มข้นของน้ำดีมากผิดปกติ ในบางครั้ง ภาพเอกซเรย์อาจแปลผลว่าตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดีได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของน้ำดีในกรณีนี้ ที่พบได้บ่อยคือหลังจากการได้รับยาฆ่าเชื้อ ceftriaxone  ดังนั้นในกรณีที่เคยได้รับยาฆ่าเชื้อ ceftriaxone มาไม่นานแล้วตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี อาจสามารถรอติดตามอาการได้ จะพบว่าเมื่อหยุดให้ยาไม่นานเมื่อตรวจเอกซเรย์ซ้ำอาจตรวจไม่พบนิ่วอีกได้

n  ดังนั้นนิ่วในถุงน้ำดีที่ตรวจพบ มักไม่สามารถหายเองได้ และไม่มียารักษา ถ้าทิ้งไว้ส่วนใหญ่มักมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หรือมีจำนวนที่มากขึ้น รวมทั้งอาจมีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงเกิดขึ้นตามมาในภายหลังได้ จึงควรได้รับการรักษาที่เหมาะสมโดยการผ่าตัดเอานิ่วและถุงน้ำดีออกเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

ผู้ป่วยที่พบนิ่วในถุงน้ำดี สามารถขอปรึกษารายละเอียดการรักษาได้โดยตรงที่ แผนกผ่าตัด-ผ่าตัดผ่านกล้อง โรงพยาบาลมิตรภาพสามัคคี 074-801900 ต่อ2101  หรือ 0816980088


ถาม - ตอบ การผ่าตัดรักษานิ่วในถุงน้ำดีมีความเสี่ยงมากไหม ?

 

Q & A  ถาม - ตอบ  การผ่าตัดรักษานิ่วในถุงน้ำดีมีความเสี่ยงมากไหม ?

 การผ่าตัดรักษานิ่วในถุงน้ำดี คือ การตัดเอาถุงน้ำดีออก ไม่สามารถเอาแต่นิ่วออกเพียงอย่างเดียวได้ ซึ่งการผ่าตัดจะมีสองแบบ คือการผ่าตัดเปิดหน้าท้องแบบเดิม ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้เป็นทางเลือกอันดับแรกเพราะจะเจ็บแผลผ่าตัดมากกว่า และมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดมากกว่า และจะมีที่ใช้คือการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีที่มีภาวะแทรกซ้อนร่วมด้วยเช่นเกิดการอักเสบเป็นหนองหรือถุงน้ำดีแตก หรือมีการอุดตันท่อน้ำดีร่วมด้วย กับการผ่าตัดรักษาอีกแบบหนึ่ง คือ การผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งในปัจจุบันเป็นการรักษาผ่าตัดแบบมาตรฐานสำหรับรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี โดยการผ่าตัดผ่านกล้องจะมีแผลเล็กๆขนาด 1.5 ซม.ที่สะดือ แผลเดียว หรืออาจมีแผลเล็กๆ ขนาด 0.5 ซม.อีกแผลที่บริเวณลิ้นปี่ในกรณีที่ทำผ่าตัดได้ยาก การผ่าตัดแบบนี้มีข้อดีคือเจ็บแผลหลังผ่าตัดน้อย และฟื้นตัวเร็ว ใช้เวลานอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียงแค่ 1-2 วันก็สามารถกลับบ้านได้

                                 



  ภาพให้เห็นเปรียบเทียบ แสดงถึงการผ่าตัดโดยใช้กล้อง 3 D

              

                 เครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัดผ่านกล้อง                      ภาพของแผลหลังการผ่าตัด ที่สะดือ ขนาด1.5 ซม.

 

   

 ภาพแสดงวิธีขณะทำผ่าตัดผ่านกล้องตัดถุงน้ำดี

นิ่วในถุงน้ำดี Gallstones

 

นิ่วในถุงน้ำดี  Gallstones

โรคนิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากการจับตัวเป็นตะกอนขึ้นในถุงน้ำดี ปัจจัยมาจากความไม่สมดุลของสารละลายในน้ำดี รวมทั้งการทำงานไม่ปกติของถุงน้ำดีทำให้เกิดนิ่วขึ้น ซึ่งลักษณะของนิ่วจะพบได้หลายแบบ ขึ้นกับส่วนประกอบของนิ่วเอง

    โรคนิ่วในถุงน้ำดีพบได้ตั้งแต่ไม่มีอาการแสดงออก หรือมีอาการแสดงออกน้อย จนกระทั่งมีอาการรุนแรงจนถึงกับทำให้เสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนตามมาได้ การพบนิ่วในถุงน้ำดีจากการตรวจก็ไม่สามรถบอกได้ว่าจะมีอาการเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ส่วนใหญ่เมื่อติดตามไประยะเวลาหนึ่งก็พบว่าจะมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นจนทำให้การรักษามีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากขึ้น

   ดังนั้นเมื่อไหร่จึงควรเข้ารับการรักษานิ่วในถุงน้ำดี ก็คือเมื่อเริ่มมีอาการ หรือการตรวจพบว่านิ่วมีจำนวนมาก มีขนาดใหญ่ หรือ พบว่าผนังของถุงน้ำดีหนาตัวขึ้นจากการตรวจพบโดยเอกซเรย์อัลตร้าซาวด์ ซึ่งบ่งชี้ว่าเริ่มมีการอักเสบเรื้อรังของถุงน้ำดีแล้ว

อาการเริ่มต้นของนิ่วในถุงน้ำดีคืออาการอาหารไม่ย่อยบ่อยๆ จุกเสียดแน่นท้องเป็นๆหายๆ หรืออาการคล้ายกรดไหลย้อน โดยส่วนใหญ่จะสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารมื้อใหญ่หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันสูง เช่น กะทิ เนย นม โดยการแสดงอาการจะไม่สม่ำเสมอ

     นิ่วในถุงน้ำดีจะไม่หายไปเอง การรักษาให้หายขาดคือการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก จึงสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้  ดังนั้นการที่เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีและต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น จึงเป็นการยากในการตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดรักษาในกรณีที่ยังไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย

การที่ยังไม่เข้ารับการผ่าตัดรักษาจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนในภายหลัง ทำให้โรครุนแรงขึ้นและการผ่าตัดรักษาทำได้ยากขึ้น หลักการพิจารณาเบื้องต้นสำหรับการจะตัดสินใจเข้ารับการรักษา คือ

   ภาพแสดงลักษณะต่างๆ ของการผ่าตัดถุงน้ำดี จะพบว่ามีความยากง่ายของการผ่าตัดแตกต่างกัน

 


                                    ภาพการผ่าตัดผ่านกล้องถุงน้ำดีที่ยังไม่อักเสบ

 


                                            ภาพการผ่าตัดผ่านกล้องถุงน้ำดีอักเสบ

 



                            ภาพการผ่าตัดผ่านกล้อง ถุงน้ำดีอักเสบ มีเนื้อตายที่ผิว

 


                             ภาพการผ่าตัดผ่านกล้อง ถุงน้ำดีอักเสบเป็นหนอง
                               จะพบได้ว่ามีความยาก-ง่ายในการผ่าตัดต่างกัน 

 

กรณีที่ตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี แต่ยังไม่พบลักษณะว่ามีถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง และไม่มีอาการ จะมีสองทางเลือกคือ

1       ยังไม่เข้ารับการผ่าตัดรักษา แต่คอยสังเกตอาการเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร หรืออาการปวดท้อง และตรวจอัลตร้าซาวด์ถุงน้ำดีทุกปีเพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงของนิ่ว  แต่ในกรณีนี้ต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดถุงน้ำดีอักเสบทำให้การรักษายุ่งยากขึ้นด้วย ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้

2       ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดรักษาเอาถุงน้ำดีออก เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

กรณีที่พบนิ่วในถุงน้ำดี และมีอาการผิดปกติในระบบการย่อยอาหาร ควรได้รับการรักษา เพราะจะทำให้ระบบการย่อยอาหารกลับมาเป็นปกติไม่มีอาการท้องอืดแน่นท้องอีก และไม่เกิดโรคแทรกซ้อนในภายหลัง

กรณีตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี และในท่อน้ำดีร่วมด้วย จะทำให้การรักษายุ่งยากมากขึ้น โดยต้องผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก และส่องกล้องทางปากเพื่อไปขยายท่อน้ำดีและคล้องเอานิ่วในท่อน้ำดีออกด้วย

การผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อเจาะเอาถุงน้ำดีออก ในปัจจุบันทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่เกิน 1 ชม. และพักฟื้นในโรงพยาบาล 2 วันก็สามารถกลับบ้านได้  ต่างจากในกรณีที่เกิดถุงน้ำดีอักเสบแล้วบางครั้งอาจจะต้องทำการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องแบบเดิมทำให้ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดนานกว่า และมีความเจ็บปวดแผลผ่าตัดมากกว่า แบบผ่าตัดผ่านกล้อง

ผู้ป่วยที่พบนิ่วในถุงน้ำดี สามารถขอปรึกษารายละเอียดการรักษาได้โดยตรงที่ แผนกผ่าตัด-ผ่าตัดผ่านกล้อง โรงพยาบาลมิตรภาพสามัคคี 074-801900 ต่อ2101  หรือ 0816980088